เคยสงสัยไหมว่าสุนัขที่เราเห็นนั้น ถูกจัดประเภทสุนัขไว้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้เกณฑ์อะไรเป็นตัววัดในการจำแนกประเภท ข้อมูลที่อยากเอามาแชร์ให้ทุกท่านทราบจะรวบรวมการจัดประเภทสุนัขไว้หลายๆแบบ ให้ผู้อ่านได้ทราบข้อมูลในเบื้องต้น โดยสุนัขทุกประเภทมีสิ่งที่เหมือนกันคือ ชอบเล่นของเล่นสุนัขเหมือนกัน และของเล่นสุนัขก็ช่วยทำให้ร่างกายได้มีการเคลื่อนไหว ทำให้หัวใจแข็งแรง ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อมูลว่าของเล่นสุนัขช่วยให้ห่างไกลจาก
โรคหัวใจ แต่เราก็อยากให้สุนัขมีหัวใจที่แข็งแรงไปนานๆ ไม่ต้องโดนทานยา
pimobendan เพราะถ้าหมอให้ทานยา
cardisure หรือ
vetmedin แล้ว แสดงว่าสุนัขของเราเป็นโรคหัวใจแล้ว
การแยกประเภทสุนัขแบ่งออกได้หลายประเภท เช่น แยกตามน้ำหนักสุนัข , แยกความลักษณะขน และ แยกตามสายพันธุ์เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการแยกประเภทสุนัขที่เราจะเห็นบ่อยๆ และง่ายสุดในการแยกจะเป็น การแยกโดยดูจากน้ำหนักสุนัข ซึ่งเราจะพบเห็นการแยกประเภทน้ำหนักสุนัขได้ในชีวิตประจำวัน เช่น เวลาพาสุนัขไปอาบน้ำตัดขน, ไปฝากเลี้ยง หรือแม้แต่พาสุนัขไปพักตามสถานที่ต่างๆ การใช้น้ำหนักมาเป็นเกณฑ์ในการแยก ใช้แค่เครื่องชั่งน้ำหนัก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อง่าย และเป็นวิธีการที่ไม่ซับซ้อนสำหรับการแยกประเภทด้วยน้ำหนัก โดยมีข้อมูลดังนี้
พันธุ์จิ๋ว - น้ำหนักไม่เกิน 4 กก.
พันธุ์เล็ก - น้ำหนักระหว่าง 5 - 10 กก.
พันธุ์กลาง - น้ำหนักตั้งแต่ 11-25 กก.
พันธุ์ใหญ่ - น้ำหนักระหว่าง 26 - 44 กก.
พันธุ์ใหญ่มาก - น้ำหนักเกิน 45 กก.
ทั้งนี้หากสุนัขของท่านเป็น
โรคหัวใจ การให้ยาต่างๆ เช่นยาโรคหัวใจ vetmedin หรือ cardisure หรือแม้แต่ยา โรคอื่นๆ แพทย์จะคำนวนปริมาณยาตามน้ำหนักและอาการของสุนัขร่วมด้วย ดังนั้นการควบคุมน้ำหนักไม่ให้สุนัขอ้วนหรือผอมเกินไปจึงเป็นสิ่งที่ดี
แยกตามลักษณะขน ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาบน้ำตัดขน ( ร้าน Grooming) ทั่วไป ที่จะใช้จะแบ่ง โดยจะแบ่งเป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ ขนสั้น (Short Hair) ,ขนยาว (Long Hair) และ ขนสองชั้น (Double Hair Coat)
การแยกประเภทจากสายพันธุ์ การแยกวิธีนี้ต้องมีการศึกษาข้อมูลและประวัติต้นกำเนิดของสุนัข ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูล เพราะเป็นการแยกประเภทที่มีความซับซ้อนที่ต้องใช้ผู้เชียวชาญในการเก็บข้อมูล โดยหน่วยงานที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในการแยกประเภทตามสายพันธุ์คือ สมาคมผู้เพาะพันธุ์สุนัขแห่งสหรัฐฯ AKC (American Kennel Club) การกำหนดมาตรฐานของสายพันธุ์สุนัขโดย AKC จะแบ่งออก 7 กลุ่ม ดังนี้
1. Sporting Group เป็นกลุ่มที่ใช้ในเกมส์กีฬาของเจ้าของสัตว์ เช่นกีฬาล่าสัตว์ของเจ้าของ เมื่อล่าสัตว์ได้แล้ว โดยสุนัขที่อยู่ในกลุ่มนี้ คือ โกลเดน ลาบราดอร์ เป็นต้น
2. Hound Dogs เป็นกลุ่มสุนัขที่มีสัญชาตญาณล่าเหยื่อ โดยแบ่งย่อยออกเป็น 2 กลุ่มย่อยคือ
2.1กลุ่มที่ชอบค้นหาสัตว์ มองสัตว์ในระยะไกลได้ดี เก่งในการดมกลิ่น เคลื่อนที่ว่องไว ลักษณะสัตว์กลุ่มนี้จะมีรูปร่างจะผอมเพรียว เพราะชอบเคลื่อนไหวร่างกายตลอดเวลา เช่น Greyhound และ Whippet เป็นต้น
2.2 กลุ่มที่ชอบค้นหาสัตว์ตัวเล็ก ชอบขุ้ยดิน ขุดดิน มีจมูกดมกลิ่นที่ดี ถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยหรือรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดแปลก มักจะแสดงออกด้วยการเห่า ไม่คอยชอบเคลื่อนไหวร่างกาย สุนัขกลุ่มนี่จึงเหมาะที่จะเลี้ยงในบ้าน
3. Terrier dogs กลุ่มที่มีความเป็นนักสู้สูง พลังเยอะ ชอบกัดและเห่า ดังนั้นสุนัขกลุ่มนี้ควรต้องให้ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ และต้องมีการฝึกเข้าสังคม เพื่อลดพฤติกรรมก้าวร้าวกกับเจ้าของ, บุคคลอื่นและรวมถึงสุนัขด้วยกันเอง สุนัขในกลุ่มนี้คือ Bull Terrier, Pit Bull Terrier, และ Jack Russell เป็นต้น
4. Sporting group เป็นกลุ่มที่มีพลังงานสูงและชอบออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ และเข้ากับคนทั่วไปและเด็กๆได้ดี สุนัขที่อยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ Golden Retriever, Labrador Retriever และ Cocker Spaniels เป็นต้น
5. Working dogs เป็นกลุ่มสุนัขที่ถูกพัฒนาให้ทำหน้าที่ที่ได้รับเป็นพิเศษ สุนัขกลุ่มนี้จะถูกฝึกให้เชื่อฟังคำสั่ง และมีระเบียบวินัยสูง เพื่อให้ทำหน้าที่ได้ตามที่ได้รับการฝึกมา เช่น หน้าที่เป็นสุนัขเฝ้ายาม สุนัขนำทางให้คนตาบอด โดยสุนัขในกลุ่มนี้ได้แก่ Rottweiler, Great Dane, Doberman pinscher และ Siberian Husky
6. Toys เป็นกลุ่มที่นิยมมากที่สุด เราจะพบได้บ่อยเพราะเป็นกลุ่มที่เลี้ยงเป็นเพื่อนในบ้านได้ ตัวเล็ก น้ำหนักไม่เยอะ มีความน่ารัก สุนัขกลุ่มนี้ คือ ชิวาวา ปั๊ก ยอคเชียร์ เทอเรีย เป็นต้น
7. Non-Sporting Group เป็นกลุ่มที่เลี้ยงไปเป็นเพื่อนเล่นกับคนได้ดี ได้แก่ บูลด๊อก ดัลเมเชียน พูเดิ้ล เป็นต้น
จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้หลายท่านคงพอจะทราบการจำแนกประเภทของสุนัขได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งนอกจากประเภทที่กล่าวมาแล้ว ยังมีการจำแนกประเภทสุนัขได้อีกหลายแบบ โดยผู้เขียนจะเขียนในโอกาสต่อไป โดยไม่ว่าสุนัขของท่านจะอยู่กลุ่มไหน การดูแลสุขภาพกายและใจของสุนัขเป็นสิ่งสำคัญทึ่สุดเพื่อให้ห่างไกลจาก
โรคหัวใจและโรคอื่นๆ ก่อนวัยอันควร